|
หมวดหมู่ > บทความ > เครื่องเสียงบ้าน >
เกิดอะไรขึ้น กับงานเครื่องเสียง (และภาพ) : ตอน 1
วันที่ : 05/05/2020
" เกิดอะไรขึ้น กับงานเครื่องเสียง (และภาพ) : ตอน 1 " โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ บ้านเรามีการจัดงานเครื่องเสียง(ภายหลังมี ระบบภาพ ด้วย) มาไม่ต่ำกว่า 40 ปีแล้ว นับแต่ครั้งแรกสุด (จัดในห้างCentral สีลม) รวมๆ แล้วจากทุกค่าย น่าจะเกือบ100 งาน แต่ทำไมยิ่งจัด ยิ่งเล็กลงๆ จากแรกๆงานหนึ่ง 30-40 ห้อง ไม่นับห้องขนาดใหญ่พิเศษ และห้องรวม ช่วงรุ่งโรจน์ ถึงขนาด มีเครื่องเสียงรถยนต์เข้ามาร่วมด้วย เรียกว่า คึกคักกันขีดสุด. พริตตี้เดินกันขวักไขว่แล้วก็ทรุดลงๆ ตามสภาพเศรษญกิจ.ที่แย่ลงๆ มาตลอด จนปัจจุบัน งานหนึ่งเหลือแค่ 10 กว่าห้อง และมีแนวโน้มที่อาจจะไม่มีการจัดอีกต่อไป ถ้าจะมีก็คงทั้งยากและเสี่ยงที่จะขาดทุน ทั้งผู้ออกงานและผู้จัด อะไรคือปัญหา ในแง่ผู้จัด........ หาสถานที่ยากมากที่จะมีห้องย่อยได้มากๆ ส่วนใหญ่จึงต้องจัดในโรงแรม. ตั้งแต่ 3-4 ดาว จะเอาระดับ 5-6 ดาวในเมือง ไปมาสะดวก มีที่จอดรถ ค่าเช่าก็จะสูง. และที่โหดคือ ต้องเช่าทั้งชั้นบน และชั้นล่าง โดยชั้นจัดงานอยู่ชั้นกลาง โดยโรงแรมอ้างว่า เสียงหนวกหูแขกของเขา เขาขายห้องไม่ได้ทั้ง2ชั้น. นี่คือที่มาของค่าออกงานที่แพงเอามากๆ 4 วันงาน ห้องเล็กขนาดห้องพักแมวดิ้นตาย ตกประมาณร่วมแสนบาท. ห้องใหญ่ 2-3 แสนบาท ยังไม่นับค่าไฟและอื่นๆ อีก พอห้องแพง เศรษฐกิจช่วงขาลง โอกาสขายของได้น้อย หรือไม่ได้เลยก็สูง มักไม่พอค่าห้อง ค่าพนักงาน จนกลายเป็นเรื่องปกติ คนออกงานจีงน้อยลงทุกที นอกจากเป็นการเปิดตัวบริษัทใหม่ สินค้ายี่ห้อ หรือรุ่นใหม่ การจัดบูทก็ประหยัดกันสุดๆ ไม่อลังการณ์เหมือนก่อน พอคนออกงานน้อยลง ผู้จัดก็ไม่มีงบที่จะประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ. ได้แต่สื่อของผู้จัดเองเช่นสิ่งพิมพ์ แต่ก็ได้แค่คนในวงการที่มีไม่มาก ที่ปกติก็ติดตามอยู่แล้ว ไม่สามารถดึงคนนอก ลูกค้าใหม่ๆ ให้แก่ผู้ออกงานได้ มีแต่ลูกค้าหน้าเก่าๆ ที่ต่างก็ซื้อไปหมดแล้ว. โอกาสที่ผู้ออกงานจะขายได้ก็ยิ่งยากเย็นขึ้นไปอีก ลูกค้าหน้าใหม่แทบไม่มี เมื่ออ่อนประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง ระดับประเทศ คนนอกรู้น้อย. จำนวนคนมาชมงานจึงโหรงเหรงลดลงอย่างหน้าใจหาย สงสารคนออกงานที่นั่งตบยุง บางเจ้า ทั้ง 4 วัน ไม่ได้เปิดบิลเลย คนเดินเข้าห้อง น้อยมาก นอกจากมีอะไรที่ไม่ธรรมดา หรือเป็นบริษัทที่ ทำการบ้าน ประชาสัมพันธ์ตัวเองมาตลอดไม่หยุดอยู่แล้ว ก็อาจจะคึกคักขึ้นอีกนิด ( แต่บริษทแบบนี้ก็น้อยมาก) เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ปีต่อไป ผู้ที่จะมาออกงานก็ถอย ยิ่งพวกสายป่านสั้น พวกทำในไทย บริษัทเล็กๆ ไม่มีงบช่วยจากเมืองนอก ยิ่งเลิกคิดเสี่ยง. เห็นอยู่แล้วว่าขาดทุนแน่ อย่างดีหน่อยก็จับมือกับยี่ห้ออื่นๆมาออกร่วมเพื่อเฉลี่ยค่าใช้จ่าย เมื่อร้านออกน้อย ห้องน้อย สินค้าไม่น่าตื่นเต้น คนที่มาเที่ยว พอเพื่อนถาม ก็มักจะเบรคเพื่อนๆว่า อย่ามาเลย. ไม่มีอะไร. ผีหลอก ยิ่งถ้าที่จัดงานอยู่ไกล หรือรถติดไปมายาก หรือ ห่างสถานีรถไฟฟ้า 500-700 เมตร หารถTAXI ไป กลับก็ยาก เจอแบบนี้ งานนั้นสลบชัยชัวร์ คนจัดก็เครียด. คนออกงานก็เซ็ง คนมาเที่ยว มีแต่เสี่ยชม สังเกตุว่า นับวันคนรวยแทบไม่โผล่มาให้เห็นในงานเลย น้อยมาก พวกเขาเข็ดแล้ว เดี๋ยวนี้แทบไม่มีอะไรน่าสนใจ น่าตื่นเต้นในงาน ซื้อหลังงาน คุยกัน ฟังกัน รู้เรื่องกว่าในงานเยอะ ราคาก็ต่อรองได้ดีกว่า ก่อนหน้านี้ ผู้จัดงาน ออกงาน จะพยายามดึงดูดคนมาชมงาน ด้วยการโชว์ชุดใหญ่ อลังการงานสร้าง ราคาว่ากัน 10 ล้านถึง50 ล้านบาท. ข่มกันไปมาระหว่างผู้นำเข้าว่าใครจะเว่อร์กว่ากัน ก็สร้างความฮือฮาได้สัก 2-3 ปี ตอนนี้ จ๋อยสนิท เพราะราคาระดับนั้น คนซื้อมีน้อยมาก. และคงไม่เปลี่ยนกันบ่อยๆเดี๋ยวเมียฆ่าตาย. การดึงดูดความสนใจให้คนมางานด้วยราคาบ้าเลือด จึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป. คนทั่วไปกลับมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ. (จบ ตอน 1 คอยติดตามตอน 2 มันส์กว่านี้อีก รับรองว่า หู ตา สว่างขึ้นอีกเยอะ ) www.maitreeav.com |